Page 76 - ebook.msu.ac.th
P. 76
คำให้สัมภาษณ์ของชาวไทแดงเอง จากการเก็บข้อมูลภาคสนามที่บ้านสบฮาว นายบุนสี ชาวไทแดง
บ้านสบฮาว อายุ ๖๒ ปี กล่าวว่า ชุมชนไทแดงบ้านสบฮาวนี้ ตั้งขึ้นประมาณ ปี พ.ศ. ๒๓๘๙ นับถึงปัจจุบัน
ก็เป็นระยะเวลากว่า ๑๖๔ ปี โดยกลุ่มคนที่มาตั้งหมู่บ้านในยุคแรกนั้นอพยพมาจากเมืองแดง ผ่านเข้ามาทาง
เมืองโสย และมาตั้งบ้านอยู่ในพื้นที่บริเวณบ้านสบฮาวปัจจุบัน
กลุ่มชาติพันธุ์ผู้ไทแดง มีเอกลักษณ์สำคัญทางวัฒนธรรมหลายประการ ที่น่าสนใจ และเป็นข้อมูลที่จะ
ช่วยให้เข้าใจถึงอัตลักษณ์ทางชาติพันธุ์ ลักษณะอย่างหนึ่งที่ควรจะได้ทำการศึกษาวิเคราะห์ เนื่องมีความสำคัญ
เกี่ยวเนื่องกับวิถีชีวิต และวัฒนธรรมของกลุ่มชนโดยตรงคือลักษณะของ เรือนที่อยู่อาศัย ซึ่งจากการศึกษา
ข้อมูลเกี่ยวกับเรือนของกลุ่มชาติพันธุ์ผู้ไทแดง บ้านสบฮาว มีลักษณะ และรายละเอียดต่างๆ กล่าวคือ
ลักษณะโดยรวมของเรือนผู้ไทแดง มีหลังคาทรงจั่วแคบ และเปิดปีกหลังคาทั้งสองด้านให้ลาดลงมา
คลุมตัวเรือนทั้งหลังจนเกือบจะถึงพื้นเรือน มุงหลังด้วยหญ้าคา จะทำตัวเรือนเป็นรูปสี่เหลี่ยมยาว ตัวเรือนยก
พื้นสูง เสาเรือนทำจากไม้เนื้อแข็งถากให้กลมวางบนแผ่นหินหรือก้อนหิน ใช้คานไม้วิ่งตามแป โดยเจาะสอดใส่
ในเสา และใช้ตงไม้จริงต่อจากตัวเรือนออกมาด้านหน้าจะมีระเบียงที่ทำราวกั้นเรียกว่า “เซีย” ทำหลังคามุง
ครอบลงมา เป็นที่สำหรับทอผ้า หรือนั่งทำงานจักสาน ส่วนด้านหลัง หรือด้านข้างนิยมทำเป็นชานต่อยื่นออก
จากตัวเรือน บริเวณส่วนนี้จะไม่มุงหลังคา เนื่องจากเป็นพื้นที่ใช้สำหรับการประกอบอาหาร และทำเป็นที่ตากผ้า
หรือเก็บภาชนะ วัสดุ และเครื่องมือใช้สอยชนิดต่างๆ เช่น ตั้งโอ่งน้ำ, คุ, เครื่องมือจับสัตว์ ด้วยแต่เดิมนั้นเรือน
ผู้ไทแดงไม่มีครัว จะประกอบอาหารกันบนเรือน
ฝาเรือนผู้ไทแดงในอดีตนิยมทำจากไม้ไผ่สับฟาก หรือไม้ไผ่สานขัดแตะ พื้นเรือนปูด้วยไม้ไผ่สับฟาก
ส่วนครอบครัวที่มีฐานะดี หรือมีแรงงานครอบครัวจำนวนมาก จะใช้กระดานไม้เนื้อแข็งมาทำฝาเรือนและปูพื้น
เรือน แต่เดิมนั้นเรือนผู้ไทแดงจะมีสัญลักษณ์ที่บ่งบอกถึงสถานภาพของผู้เป็นเจ้าของเรือน โดยสังเกตได้จาก
แปหลังคาซึ่งจะมีแปหลบด้วยแตะไม้และปักแหล่งด้วยไม้แหลมเสียบเรียกว่า “ซองแมว” ขัดไว้ ถ้าหากเจ้าของ
เรือนเป็นบุคคลธรรมดาทั่วไปจะใส่กลอนแหล่งอันเดียว แต่ถ้าหากเจ้าของเรือนเป็นอาชญา เจ้านาย หรือเป็น
ผู้ปกครองจะใส่กลอนแหล่งคู่ หากผู้ใดละเมิดกฎเกณฑ์นี้จะถูกลงโทษ
ด้านในตัวเรือนจะแบ่งเป็นห้องนอนตามช่วงเสา แต่ละห้องกั้นด้วยผ้าฝ้ายสีดำ ปัจจุบันบางแห่งมีการใช้
ตู้เสื้อผ้ากั้นแทน ห้องแรกจะเป็นห้องนอนของเจ้าเรือนคือปู่ย่า ในกรณีที่ปู่ย่าอยู่ด้วยกันซึ่งเป็นห้องที่ติดกับห้อง
รับแขกถ้าหากไม่มีปู่ย่าอยู่ด้วยห้องนี้จะเป็นห้องของพ่อแม่ ห้องถัดไปจะเป็นห้องนอนของพ่อแม่ และห้องนอน
ของลูกตามลำดับ ลูกชายที่ยังเล็กจะนอนห้องติดกับพ่อแม่ เมื่อโตแล้วจะได้ไปนอนที่บริเวณห้องรับแขก ส่วน
ลูกสาวจะนอนห้องที่ติดกับชานเรือน หากมีห้องเหลือก็จะทำเป็นห้องสำหรับเก็บของ นอกจากนี้ในเรือนผู้ไทแดง
จะมีห้องสำหรับตั้งหิ้งผีเรือนเรียกว่า “หอผีเรือน” ซึ่งจะเป็นห้องแรกของเรือนที่ติดกับห้องนอนของผู้เป็นเจ้าเรือน
ในครอบครัวที่มีเรือนขนาดเล็กมีจำนวนห้องไม่พอ ก็จะนำหอผีเรือนเข้าไปไว้ในห้องนอนของเจ้าเรือน ห้อง
ผีเรือนนี้จะห้ามไม่ให้ลูกสะใภ้เข้าไปโดยเด็ดขาด
74