Page 73 - ebook.msu.ac.th
P. 73
59
พระธรรมคัมภีร์ 60 คัมภีร์ไปเผยแผ่ที่อำณำจักรล้ำนช้ำงด้วย และในสมัยพระเจ้ำไชยเชษฐำธิรำช พระโอรส
ของพระเจ้ำโพธิสำลรำช ได้เสด็จไปครองเมืองเชียงใหม่อยู่ระยะหนึ่ง (พ.ศ. 2091 - 2093) เมื่อพระเจ้ำโพธิสำล
ุ
รำชสวรรคตก็ได้กลับไปครองอำณำจักรล้ำนช้ำง พร้อมทั้งได้น ำเอำพระพทธรูปและพระธรรมคัมภีร์ ตลอดถึง
ิ
ั
นักปรำชญ์รำชบัณฑิต และช่ำงฝีมือกลับไปด้วย จึงเป็นไปได้ว่ำอกษรฝักขำมของล้ำนนำเข้ำมำมีอทธิพล
ั
ั
ต่ออกษรไทยน้อย ซึ่งอกษรฝักขำมนั้นก็ได้คลี่คลำยหรือพฒนำมำจำกอกษรไทยสุโขทัยสมัยพระยำลิไท
ั
ั
เหมือนกัน ฉะนั้นกำรแพร่กระจำยของอักษรสุโขทัยเข้ำสู่ดินแดนอำณำจักรล้ำนช้ำง หรือชุมชนลุ่มแม่น้ ำโขงนั้น
สรุปจำกที่ศำสตรำจำรย์ธวัช ปุณโณทก ได้กล่ำวสรุปไว้ 2 ระยะด้วยกัน ดังนี้
1. ระยะแรกของกำรแพร่กระจำยอักษรสุโขทัยเข้ำสู่ลุ่มแม่น้ ำโขงโดยตรง
1.1 เหตุผลทำงด้ำนประวัติศำสตร์ จำกหลักฐำนทำงด้ำนประวัติศำสตร์พบว่ำ อำณำจักร
ั
สุโขทัยได้ติดต่อกับดินแดนลุ่มแม่น้ ำโขงและมีควำมสัมพนธ์อย่ำงใกล้ชิดในฐำนะที่เป็นรัฐไทยด้วยกัน เช่น ใน
สมัย พอขุนรำมค ำแหงได้กล่ำวถึงดินแดนอำณำจักรสุโขทัยและชุมชนลุ่มแม่น้ ำโขงหลำยครั้งในศิลำ
่
จำรึกของ พ่อขุนรำมค ำแหง (หลักที่ 1) เช่น
- “…ทั้งมำลำวกำวและไทย เมืองใต้หล้ำฟ้ำ…ไทยชำวอูชำวของมำออก”
- “…เท่ำฝั่งของถึงเวียงจันทน์เวียงค ำเป็นที่แล้ว…”
ในสมัยพระยำลิไท ดินแดนลุ่มแม่น้ ำโขงได้มีผู้น ำชุมชนรวบรวมเป็นรัฐเอกรำชชื่อว่ำพระเจ้ำ
ฟ้ำงุ้ม ซึ่งเป็นกำรเริ่มต้นประวัติศำสตร์ในดินแดนลุ่มแม่น้ ำโขงสืบต่อมำ ส่วนพระยำลิไทเองก็ยอมรับควำมเป็น
เอกรำชของพระเจ้ำฟ้ำงุ้ม ดังปรำกฏในศิลำจำรึกหลักที่ 8 (เขำสุมนกูฏ) ว่ำ
“…เบื้องตะวันออก…เถิงของพระญำท้ำวฟำงอม…”
จำกข้อควำมนี้แสดงให้เห็นว่ำพระยำลิไทนั้นทรงยอมรับควำมเป็นรัฐที่อยู่ในกำรปกครองของ
พระเจ้ำฟ้ำง้อม (ฟ้ำงุ้ม) ว่ำเป็นรัฐอิสระหรือเป็นรัฐเอกรำช
ในต ำนำนมูลศำสนำซึ่งเป็นต ำนำนกำรเผยแผ่ศำสนำ ได้กล่ำวถึงพระภิกษุเมืองสุโขทัย 8 รูปที่
ุ
ศึกษำพระพทธศำสนำที่ส ำนักพระอทุมพรมหำสวำมี แห่งเมืองพน (ลัทธิลังกำวงศ์แบบรำมัญ) ซึ่งเป็น
ุ
ั
ุ
พระพทธศำสนำที่ฟนฟขึ้นในรัชสมัยพระยำลิไท ครั้นกลับมำถึงสุโขทัยแล้วต่ำงแยกย้ำยกันไปเผยแผ่พทธ
ื้
ุ
ู
ุ
ศำสนำนิกำยลังกำวงศ์แบบรำมัญในรัฐที่เป็นชนชำติไทย โดยได้กล่ำวถึงพระสุวรรณคีรีเถระไปเผยแผ่พทธ
ศำสนำที่ หลวงพระบำงว่ำ
“…เจ้ำสุวัณณคีรีเอำศำสนำไปประดิษฐำนในเมืองชวำ (ชื่อเดิมของเมืองหลวงพระบำง)…”
ั
ุ
1.2 เหตุผลทำงด้ำนรูปแบบตัวอกษร พระสุวรรณคีรีเถระที่น ำพระพทธศำสนำไปเผยแผ่ที่
ุ
เมืองหลวงพระบำง ก็คงจะน ำเอำตัวอกษรสุโขทัยสมัยพระยำลิไทไปใช้บันทึกเรื่องรำวทำงพทธศำสนำ
ั
เช่นเดียวกัน ซึ่งเป็นกำรแพร่กระจำยอกษรสุโขทัยเข้ำสู่ดินแดนลุ่มแม่น้ ำโขงด้วย เช่น จำรึกลำยเขียนสีที่
ั
ั
ั
ผนังถ้ ำนำงอน (ห่ำงจำกเมืองหลวงพระบำงไปทำงทิศตะวันตก 25 กิโลเมตร) เป็นตัวอย่ำงอกษรสุโขทัยสมัย
พระยำลิไท ที่เข้ำสู่ดินแดน ลุ่มแม่น้ ำโขงในสมัยนั้น ส่วนศิลำจำรึกวัดแดนเมือง สร้ำง พ.ศ. 2073 ซึ่งเป็น
ั
ระยะเวลำที่ห่ำงกันมำก พบว่ำ มีอกขรวิธีของอกษรตัวธรรมเข้ำมำปะปนบ้ำง แต่รูปแบบตัวอกษรยังไม่
ั
ั
ั
เปลี่ยนแปลงมำกนัก แสดงให้เห็นว่ำตัวอกษรสุโขทัยในสมัยพระยำลิไทนั้น ก็ยังใช้สืบเนื่องมำจนถึงยุคที่
วัฒนธรรมจำกอำณำจักรล้ำนนำเชียงใหม่เข้ำมำมีอิทธิพลต่อดินแดนลุ่มแม่น้ ำโขง
2. ระยะที่ 2 เป็นกำรแพร่กระจำยอกษรสุโขทัยเข้ำสู่ลุ่มแม่น้ ำโขงโดยผ่ำนทำงอำณำจักรล้ำนนำเชียงใหม่
ั
2.1 เหตุผลทำงด้ำนประวัติศำสตร์ ชุมชุนลุ่มแม่น้ ำโขงมีควำมใกล้ชิดกับภำคเหนือหรือ
อำณำจักรล้ำนนำมำโดยตลอด โดยเฉพำะสมัยตอนปลำยรำชวงศ์มังรำย นับตั้งแต่สมัยพระเจ้ำติโลกรำช (พ.ศ.
1984 - 2030) เป็นต้นมำ พระพุทธศำสนำเจริญรุ่งเรืองมำก พระสงฆ์มีควำมสันทัดในพระไตรปิฎกตลอดถึงได้