Page 19 - Spin Transport and Spintronics
P. 19
1.1 ปรากฏการณ์ความต้านทานเชิงแม่เหล็กขนาดใหญ่ 20
ไม่ถูกเติมเต็ม ทำให้เกิดความแตกต่างของแถบพลังงานของสปินขึ้นและสปินลงที่ระดับพลังงานเฟอร์-
มิ ซึ่งส่งผลให้วัสดุแม่เหล็กเฟอร์โรมีค่าโมเมนต์แม่เหล็กที่ไม่เท่ากับศูนย์ เมื่อทำการป้อนกระแสไฟฟ้า
ที่ประกอบด้วยอิเล็กตรอนที่อยู่ในระดับพลังงานชั้น sp เข้าสู่โครงสร้างวัสดุแม่เหล็ก อิเล็กตรอน sp
ซึ่งมีมวลน้อยและมีความเร็วในการเคลื่อนที่สูงจะทำให้อิเล็กตรอนมีระยะเฉลี่ยในการเคลื่อนที่สูงและ
มีสภาพการนำไฟฟ้าที่สูง และจากการซ้อนทับของแถบพลังงานดังแสดงในรูปที่ 1.4 อิเล็กตรอน sp
สามารถเกิดการกระเจิงเข้าไปจัดเรียงในออร์บิทัลที่ว่างของแถบพลังงาน d ดังนั้นค่าความนำไฟฟ้าของ
สปินขึ้นจึงมีค่ามากเนื่องจากถูกครอบครองโดยอิเล็กตรอน sp ที่มีระยะเฉลี่ยในการเคลื่อนที่สูง ในขณะ
ที่ในแถบพลังงานของสปินลงจะมีค่าความนำไฟฟ้าต่ำเนื่องจากเกิดการผสมกันของแถบพลังงาน sp-d
(sp-d hybridization) จากที่กล่าวมาจะพบว่าแถบพลังงานระดับชั้น d จะมีบทบาทสำคัญต่อการเกิด
ปรากฎการณ์ GMR เป็นอย่างมาก
รูปที่ 1.4 โครงสร้างแถบพลังงานของวัสดุแม่เหล็กเฟอร์โรที่มีการแยกเป็นแถบพลังงานของสปินขึ้นและ
สปินลงทำให้เกิดค่าความนำที่แตกต่างกันของสปินขึ้นและสปินลง
การกระเจิงของสปินภายในโครงสร้างสปินวาล์วที่มีผลต่อค่าความนำไฟฟ้าและความต้านทาน
ของวัสดุสามารถอธิบายได้ด้วยแบบจำลองสองกระแส (two-current model) ซึ่งแบบจำลองดังกล่าว
ถูกนำเสนอใน ปี ค.ศ. 1936 โดย Mot เพื่อทำการพิจารณาค่าความนำไฟฟ้าในวัสดุแม่เหล็กเฟอร์โร
ก่อนที่จะมีการศึกษาเชิงการทดลองในปี ค.ศ. 1968 โดย Fert และ Campbell พบว่าค่าสภาพความ
นำไฟฟ้ารวมของวัสดุสามารถอธิบายได้ด้วยค่าสภาพความนำไฟฟ้าของสปินขึ้นและสปินลงดังสมการ
ต่อไปนี้
↑
σ = σ + σ ↓ (1.1)