Page 199 - Spin Transport and Spintronics
P. 199

7.3 ค่าคงที่ความหน่วงประสิทธิผล                                                  201



                             อย่างไรก็ตามในกรณีชั้นฟิล์มบาง เราจะไม่พบความความสัมพันธ์แบบเชิงเส้นดังกล่าว ซึ่งผล

                       การคำนวณนี้ให้ผลที่สอดคล้องเป็นอย่างดีกับผลการทดลองซึ่งเป็นการยืนยันความถูกต้องของแบบ
                       จำลองระดับอะตอมในการคำนวณค่าคงที่ความหน่วง จากที่กล่าวมาข้างต้นเป็นการแสดงการคำนวณ

                       และอธิบายผลของค่าคงที่ความหน่วงประสิทธิผลซึ่งจะถูกนำไปใช้ในการออกแบบ STT-MRAM โดย

                       ในการออกแบบ STT-MRAM ควรใช้วัสดุที่มีค่าคงที่ความหน่วงที่ต่ำเนื่องจากจะช่วยให้การทำงานของ
                       STT-MRAM ใช้พลังงานต่ำ และจากการศึกษาพบว่าค่าคงที่ความหน่วงประสิทธิผลที่อุณหภูมิ 300 K

                       จะมีการลดลงตามความหนาของวัสดุ CoFeB ที่เพิ่มขึ้นซึ่งสอดคล้องกับผลการทดลอง นอกจากนี้พบ

                       ว่าค่าคงที่ความหน่วงของวัสดุ CoFeB ที่เหมาะสมสำหรับการนำไปใช้ในแบบจำลองในระดับตอมควร
                       มีค่าเท่ากับ 0.11 สำหรับชั้นรอยต่อและ 0.003 ที่ชั้นเบ้าค์ และค่าคงที่ความหน่วงของชั้นรอยต่อและ

                       ชั้นเบ้าค์ดังกล่าวจะถูกนำไปใช้ในการศึกษาการกลับทิศทางของแมกนีไทเซชันของโครงสร้าง CoFeB/

                       MgO/CoFeB ซึ่งจะอธิบายรายละเอียดในหัวข้อถัดไป








                           ตัวอย่างที่ 7.4 จงคำนวณหาค่าคงที่ความหน่วงประสิทธิผลของวัสดุ CoFeB จากพลวัตของ
                           แมกนีไทเซชันที่ได้จากการคำนวณด้วยแบบจำลองระดับอะตอมดังแสดงในรูปด้านล่าง


                                 จากนั้นทำการพลอตกราฟเส้นโค้งเพื่ออธิบายพลวัตของแมกนีไทเซชันที่ได้จากการ

                           คำนวณเชิงตัวเลข พบว่าต้องทำการปรับค่าสัมประสิทธิ์ k 1 = 2.94 × 10 rad/s และ
                                                                                          10
                           k 2 = 1.69 × 10 rad/s จึงจะได้กราฟเส้นโค้งที่สอดคล้องกับพลวัตแมกนีไทเซชัน
                                         12
   194   195   196   197   198   199   200   201   202   203   204