Page 219 - ebook.msu.ac.th
P. 219
อุรังคธาตุ จ.ศ. ๑๑๖๗ (พ.ศ. ๒๓๔๘) 219
สร้างเจดีย์โลมธาตุหัวเหน่าที่ภูลวง แล้วสร้างอารามที่โพนหนองกกแห่งหนึ่ง แล
๘๔๔
ถวายข้าโอกาส พร้อมทั้งเขตแดนไว้ทุก ๆ แห่งแล้ว พระองค์ก็...”
ก็สระเด็จจไปไหว้ ธาตุพระนมฝ่าตีนขวา ที่เมืองบังพวร หั้นบ่อน ๑
แล
ส้าง อูปมุงโลมธาตุอรหันต บ่อน ๑ แล
ให้ (ข้า) โอกาส ให้ดินไว้กับซู่แห่งแล้ว
จีงสระเด็จจ ไปเมืองมรุกขนครส้างเจติยะ อันนี้ไว้
ก็สระเด็จจไปไหว้ธาตุพระนมที่ภูก้าพ้าแลอยุดอยา
๘๔๖
๘๔๕
ให้ จุ้ม ไว้กับพุทธสาสนาแล้ว ก็สระเด็ดจจไป เมืองรามมรัก
ปางนั้นหั้นแล
๘๔๗
ลุร นี้เจ้าล้านช้าง ก็ได้เห็นนิทานอันนี้ จีงไปส้างเจตียะโลมธาตุ-
ฝ่าตีนขวา ที่ เมืองหล้าหนองทั งหลาย หั้นแล
เล่าส้างวัดหลัง ๑ ก้ าหน้าโฮง แทนมวร (มวล) ปราสาทพระยานาค
ให้แก่บุรีอว้ายลว้ายแลนางอินทะสว่างลงลอดหั้น จีงใส่ชื่อว่า วัดมโนพิรัมมา-
จันทบุรี หั้นแล
นิทานพระมหาธาตุเจ้า วัณณะนา นิตถิตา
๘๔๔
ข้อความวรรคนี้ในใบลานอุรังคธาตุฉบับปริวรรตได้ขาดหายไปจึงได้ตรวจสอบจากฉบับ
ของกรมส่งเสริมวัฒนธรรมแล้วน าตัวบทจาก หน้า ๑๑๐ มาเพิ่มเติม
๘๔๕
หนังสือราชการ, พระราชสาส์น, ตราตั้ง ที่มีวัสดุรองเขียนที่เป็นได้ทั้ง ผ้า, ศิลา ฯลฯ หากเป็น
ผ้า เรียก ใบจุ้ม
๘๔๖
ฉบับของหอสมุดแห่งชาติ ว่า รามลัก, ฉบับของกรมส่งเสริมวัฒนธรรม ว่าลามะลัก
๘๔๗
ลุน หมายถึง หลังจาก-ผู้ปริวรรต