Page 262 - ebook.msu.ac.th
P. 262
262 ณรงค์ศักดิ์ ราวะรินทร์
๓ แห่ง (พานพร้าว, ปะโค, เวียงคุก-ผู้เรียบเรียง) ที่กล่าวนามมาแล้วนั น
เห็นควรจะจัดตั งรวมเป็นเมืองใหญ่ควบคุมดูแลเมืองเล็กอีกทีหนึ่ง เพราะบาง
เมืองที่อยู่ทางฝั่งซ้ายแม่น ้าโขงยังกระด้างกระเดื่อง...
...จึงขอพระราชทานตั งให้ท้าวสุวอธรรมา (หรือบุญมา) บุตรอัคร์ฮาด
เมืองยโสธร หลานเจ้าพระวิชัยราชสุริยวงศ์ขัติยราช (หน้า) เจ้านครจ้าปาศักดิ์
อันมีเชื อสายสืบต่อเจ้าพระตา เจ้าพระวอฯ (พระวรราชภักดี) เมืองอุบลราช-
ธานี มาก่อนเป็นเจ้าเมือง .... ท้าวสุวอได้พิจารณาแล้วเห็นว่า บริเวณบ้านใผ่
ริมแม่น ้าโขงฝั่งขวาเป็นชัยภูมิที่เหมาะแก่การสร้างเป็นเมืองใหญ่...จึงทรงพระ
กรุณาโปรดเกล้าฯ ให้ยกบ้านใผ่เป็นเมืองหนองคาย... ตั งท้าวสุวอธรรมาเป็น
"พระประทุมเทวาภิบาล" โดยถือเอาดอกบัวในหนองคายมาเป็นศิริ-มงคลนาม
เจ้าเมืองหนองคายคนแรก เมื่อ พ.ศ. ๒๓๗๐...” (หน้า ๒๒๐-๒๒๒)
หากปรากฏนาม “หนองคาย” ในต านานอุรังคธาตุ ฉบับ
จ.ศ. ๑๑๖๗ (พ.ศ. ๒๓๔๘) จะเกิดอะไรขึ้น
จากการศึกษาข้อมูลจารึกที่วัดจอมมณี ลงศักราช พ.ศ. ๒๐๙๘, จารึก
วัดศรีเมือง พ.ศ. ๒๑๐๙ และจารึกวัดศรีบุญเรือง พ.ศ. ๒๑๕๑ ออนไลน์ใน
ฐานข้อมูลจารึกในประเทศไทย จัดท าโดย ศูนย์มานุษยวิทยาสิรินธร
(http://www.sac.or.th) นั้นไม่ปรากฏนามของเมืองหนองคายแต่ประการใด
ซึ่งต่างจากเอกสารอุรังคธาตุ ฉบับที่ปริวรรต ผูก ๑-๔ จะระบุ “เมืองหล้าหนอง
ทั้งหลาย” ทั้งหมด หากแต่ในเมื่อปริวรรตในผูกสุดท้าย คือ ผูกที่ ๕ ลานที่ :
๑๒ หน้าที่ ๒ (ล้า) กลับปรากฏค าว่า “หนองคาย” เพียงที่เดียว ในตอนที่เจ้า
สังขวิไชยยะเถร ได้น าพระบรมธาตุฝ่าเท้าขวา มาประดิษฐานในอูปมุงไว้เมือง
หล้าหนอง ซึ่งคนทั้งหลายว่า หนองคาย ดังรูปภาพและข้อความที่ยกมา