Page 26 - ปฏิบัติการ Lab Bilology II
P. 26
ิ
์
ี
ี
ปฏบัติการชววิทยา 2 [Biology Laboratory 2] ภาควิชาชววิทยา คณะวิทยาศาสตร มมส.
18 อ.วนชย สงฆสข
ุ
์
ั
ั
ั
กระบวนการสังเคราะหดวยแสง
ประกอบดวย 2 ปฏิกิริยา คือ
้
้
ั
ิ
ึ
ิ
1. ปฏิกริยาแสง (light reaction) ปฏิกริยานีอาศยแสงสวางเปนตัวผลักดันใหเกิดปฏิกิริยาขน
ี
ิ
โดยมคลอโรฟลด (chlorophyll) และ แคโรทนอยด (carotenoids) เปนตัวรับพลังงานแสง จากนั้นจะเกดการ
ี
สลายน้ํา (photolysis) โดยใชพลังงานที่รับมา ผลผลิตจากปฏิกริยานีจะได ATP (adenosine triphosphate)
ิ
้
+
NADPH + H (reduced nicotinamide adenine dinucleotide phosphate) และออกซิเจน ปฏิกิริยาจะ
เกิดขึ้นเร็วหรือชาขึ้นอยูกับปริมาณแสงที่ไดรับ
ิ
้
ิ
ปฏิกริยาแสงนีเกดอยูบน photosynthetic membrane ภายในคลอโรพลาสต (chloroplast)
ิ
โดยมศนยกลางของปฏิกริยาอยู 2 ตาแหนงคอ photosystem 1 (P700) และ photosystem 2 (P680)
ื
ํ
ู
ี
นอกจากนี้ ยังมี antenna complex ซ่งประกอบดวย แคโรทีนอยด คลอโรฟลด บ และ คลอโรฟลด เอ
ึ
ี
ทําหนาที่รับพลังงานแสงในชวงคลื่นอื่นๆ สงเขาสูศูนยกลางปฏิกิริยาทั้งสอง
+
2. ปฏิกริยาการตรึงคารบอนไดออกไซด (CO 2 fixation) เปนปฏิกิริยาการใช ATP และ NADPH + H
ิ
ึ
้
้
ิ
จากปฏิกริยาแสงมารีดวซคารบอนไดออกไซดใหเปนคารโบไฮเดรต กระบวนการนีไมตองการแสง แตเกิดขน
ิ
ิ
ึ
ั
ิ
ู
ั
ั
ควบคไปกบปฏิกริยาแสง อตราเร็วของปฏิกริยาข้นกบปริมาณคารบอนไดออกไซดท่ไดรับ ปริมาณ ATP และ
ี
+
NADPH + H ที่สรางขึ้น
ู
้
ั
้
ั
กระบวนการทงสองนีเกิดตอเนื่องกันและมีอัตราเร็วทสัมพันธกัน แตถามีปจจัยใดถกจํากด
ี
่
ไมวาจะเปนปริมาณแสงหรือปริมาณคารบอนไดออกไซดอตราการสังเคราะหดวยแสงจะลดลง
ั
กิจกรรมเรื่อง รงควัตถุในกระบวนการสังเคราะหดวยแสง
กิจกรรมที่ 2.1 ศกษาการดูดกลืนแสงของรงควัตถ ุ
ึ
วัตถุประสงค
ี่
เพื่อศึกษาการดูดกลืนแสงของรงควัตถุททําหนาที่เกี่ยวของกับกระบวนการสังเคราะหดวยแสง
วัสดุและอุปกรณ
่
ั
1. รงควัตถของพชทสกดดวย ethanol 95 %
ุ
ื
ี
2. สารละลายสียอมผาสีเขียว
3. โคมไฟอานหนังสือ
4. หลอดทดลองขนาด 20 มล. จํานวน 2 หลอด
5. ปเปตขนาด 100 มล. จํานวน 2 อัน
ั
6. แลค 1 อน
วิธีทดลอง
1. นําหลอดทดลองขนาด 20 มล. จํานวน 2 หลอด มาทําเครืองหมายกากบคือ หลอด ก และ
ั
ํ
่
หลอด ข
2. หลอด ก ใสสารละลายรงควัตถ ประมาณ 2 ใน 3 ของหลอด
ุ
3. หลอด ข ใสสารละลายสียอมผาสีเขียวในปริมาณที่เทากัน
4. นําหลอดทง 2 มาสองดวยโคมไฟ ท้งดานแสงทะลุผานรงควัตถ (transmitted light) และ
ั
้
ั
ุ
ี่
ดานที่แสงตกกระทบรงควัตถ (reflected light) ดังภาพท 2.1
ุ
5. สังเกตสีของรงควัตถทางดานทแสงทะลุผานรงควัตถุ (transmitted light) และดานทีแสงตก
่
ี
ุ
่
ุ
กระทบรงควัตถ (reflected light) และสังเกตการเรืองแสง (fluorescence)