Page 203 - ebook.msu.ac.th
P. 203
อุรังคธาตุ จ.ศ. ๑๑๖๗ (พ.ศ. ๒๓๔๘) 203
๑๕. พระยาสุมิตตธัมมเจ้าหดสงอุรังคธาตุแลถะปันนาธาตุดูกหลัง
๕/๑๕/๒ (ปรา) บัดนี้ จักจาอรหันเจ้าทั้งห้า พ้อมกันไปสู่เมืองมรุกขนคร
จีงเข้าเมือบิณฑิบาสในบ้านนอกนิคม อันสัพพัญญูเจ้าอธิฏฐานฮอยไว้แก่
พระยาปรา (ปลา) นั้นแล้ว เจ้าทั้งห้าออกมาให้ทานข้าวแก่ปาทั้งหลายว่า
ทีฆา ๕/๑๖/๑ ยุโก โหตุ ปาทั้งหลายจงมีอายุยืนเทิน ว่าดังนี้คนทั้งหลาย จีงใส่
๘๑๑
ชื่อว่า บ้านเชียงยืน แต่นั้นมาแล
เจ้าทั้งหลายจีงขว่ามน้ าไปสันข้าวที่บ่อนพรามทั้งห้าว่าเมืองมรุกขนคร
หล่าขืนมาแต่นั้นแล เจ้าทั้งห้าพากจากที่นั้น ไปสู่ภูก าพ้าปฏิสัตถานซึ่งกัน
คันฮู้แล้ว มหาระตะนะเถนเจ้าพี่น้องไปบิณฑิบาสในเมืองอินทปัตถ
๘๑๒
นครมิตตาพระยาอาว เบื้องจุลละปิตตาแห่งตนมาซ่อยถะปะนา
มหาสุวัณณะปราสาทเถนพี่น้อง ไปบิณฑิบาสในเมืองปุตตะจุลละณี-
พรหมทัด อันเป็นลูกญิงลูกชายแต่ชาตติก่อนนั้น ชาตติอันนี้ เล่าได้เป็นพ่อออก
แม่ออกเจ้าทั้ง ๒ บัดนี้แล เพื่อให้มาซ่อยถะปันนาอุรังคธาส ดอม พระยาสุ-
มิตตธัมมิกกราชาธิราสเอกกราสมรุกขนคร หนี่ (นี่) ก็มีแล
เจ้าสังขวิไชยยเถน ก็เข้าไป ๕/๑๖/๒ (ปิ) บิณฑิบาสใน ราชะคุ้งหลวง
แห่งพระยาสุมิตตธัมมเจ้าแลนางเทวีแก้ว ๆ หลิงเห็นเจ้า สังขวิเชยยะเถน
อันธรงผ้าค าแดงงามอันพระยานาคให้นั้น ลวดมีใจชมชื่นยินดีปิติซาบอาบไป
ในขะสัทธะ (ขันธะสันดาน) ทั้งมวร เหมือนดังลูกราชสี อันพัดพากแม่แล
จวบกัน กระสันดอมกันนั้นแล ราชเทวีบ่อาจตั้งอยู่ได้ มีใจหวั่นไหวไปมา
เหมือนดังช่อทุง อันลมกวัดแกว่งนั้นแล จีงราทนามหาเถนเจ้า ขึ้นสรัฏฐิดใน
กลางปราสาทแล้ว ให้สันข้าวน ้าโภชนะอาหานอัน ประหนีช
ภาพภาพที่ ๒๒ ภาพใบเสมาที่วัดตาลก่องรัฐฐิวัน บ้านกาลึม ต าบลเมืองพาน อ าเภอบ้านผือ จังหวัด ๘๑๓
อุดรธานี. ใน “ใบเสมากลุ่มพระบาทบัวบาน อ้าเภอบ้านผือ จังหวัดอุดรธานี”.กรมศิลปากรจัดพิมพ์,
๘๑๐ ๘๑๑ ปัจจุบันยังพบชื่อบ้านเชียงยืน ในต าบลเวินพระบาท อ าเภอท่าอุเทน จังหวัดนครพนม
๒๕๔๑. -ผู้ปริวรรต
๘๑๒ หมายถึง น้องชายของบิดา
๘๑๓
ประณีต-ผู้ปริวรรต
๘๑๐
อรุณศักดิ์ กิ่งมณี “ได้วิเคราะห์ภาพสลักเล่าเรื่องแผ่นนี้ ยังไม่สามารถก าหนดได้แน่ชัดว่าอยู่ใน
เรื่องใด แต่ภาพสลัก บุรุษประธานที่ประทับมหาราชลีลาและการประดับตกแต่งวรกายที่แสดงถึง
ความสูงศักดิ์ คงหมายถึงพระอินทร์ หรือมหาสัตว์ที่ก าลังแสดงธรรม ส่วนบุคคลด้านขวาคงเป็น
ผู้เคารพบูชา ส าหรับบุคคลด้านซ้ายน่าจะเลียนแบบมาจากภาพฤๅษี (นักพรต) ที่ก าลังบ าเพ็ญเพียร
ดังที่พบกันอยู่ทั่วไปบนภาพสลักตามปราสาทหินของเขมร...ภาพสลักเล่าเรื่องใบเสมากลุ่มนี้แสดง
ถึงอิทธิพลศิลปะเขมร สมัยเกาะแกร์ (ราวครึ่งหลังพุทธศตวรรษที่ ๑๕) ”. ใบเสมากลุ่มพระบาทบัว
บาน อ าเภอบ้านผือ จังหวัดอุดรธานี, หน้า ๔๘-๔๙.