Page 89 - ebook.msu.ac.th
P. 89
อุรังคธาตุ จ.ศ. ๑๑๖๗ (พ.ศ. ๒๓๔๘) 89
ผู้ชายจีงพ้อมกันปละหนีไปที่นึงแล้วแต่งกันขึ้นเทิงดอยมัดโคมไฟให้ว่าดาวเพ็ก
ออกเสียแล้ว ว่าดังนั้นจีงเอากันไปน าผู้ยิง แม่นว่าผู้ยิงทั้งหลายฝูงผู้ชายไปก่อ
๓๕๙
ซ่อยนั้นก็แล้วก่อนดาวเพ็กออกหั้นแล
ยามนั้นมหากัสสัปปะเถรเจ้าพาอรหันตา ๕ ฮ้อยตนน าอุรังคธาสไปไว้
เท็งที่อูปมุงอันก่อบ่แล้วนั้น จีงเข้าไปบิณฑิบาส ในเมืองหนองหานหลวง หนอง
หานน้อย พระยาสุวัณณภิงคละ พระยาค าแดงแลชาวเมืองทั้งหลายใส่บาสแล้ว
๓๖๑
๓๖๐
๒/๑๐/๑ จีงไต้ประทูบ ประทีป คันทรัสสะ ของหอมทุกเยื่อง พระยาสุ-
๓๖๒
วัณณภิงคละจีงพาประริวาน ไปน าอรหันตาเจ้าขึ้นดอยไปไหว้อุรังคธาส ๓
๓๖๓
ฮอบหดสง สักกระบูชา
๓๖๔
พระยาเห็นอูปมุงบ่แล้วแลโกดเคียดแก่ชาวเมืองทั้งหลายล่ามเวียก
(นายหมู่) จีงทูลถวายยังเหดทั้งมวรให้แจ้งแก่พระยาเร่งท าโกดเคียดยิ่งนักแต่ผู้
๓๖๕
ยิงจักกท าตามโจด มหากัสสัปปะเจ้าจีงฮมเพิงเถิงวิรุธปัณหา มาเทสสนาว่า
๓๕๙
ฉบับของหอสมุดแห่งชาติ (๒๔๘๓) กล่าวถึงเหตุการณ์นี้ว่า “ขณะนั้น ฝ่ายหญิงเห็นฝ่ายชาย
จะก่อแล้วก่อน จึงแต่งกันเป็นพวกเป็นหมู่ ออกไปพูดจา เล้าโลมเย้าหยอก พวกชายที่ก าลังขนหิน
อยู่นั้น ชายเหล่านั้นเห็นหญิงมากระท าเช่นนั้น ก็พากันวางหินไว้ ณ ที่นั้น แล้วแต่งกันขึ้นบนดอยที่
ก่ออุโมงค์ ท าโคมไฟจุดขึ้นแขวนไว้ จึงกล่าวกันว่าดาวเพ็กขึ้นแล้ว ๆ แล้วพากันตามหญิงไป แม้ผู้ที่
ก่อบนดอยนั้นรู้ก็ตามกันลงไปหมดสิ้น ส่วนผู้เฒ่าผู้แก่ทั้งหลายที่อยู่ณที่นั้น จึงจ่ม (บ่น) ว่าแค้น
ใจแท้ และเขากองหินไว้นั้น คนทั้งหลายจึงได้เรียกชื่อว่า แค้นแท้ มาจนกาลบัดนี้” หน้า ๔๒.
จากนั้นเนื้อหาในตอนนี้ได้ขาดหายไป ผู้ปริวรรตจึงตรวจสอบและพบว่ามีการปรากฏเนื้อหาต่อบั้น
(ตอน) นี้ในหน้า ๑๔๕ กล่าวว่า “...และอุโมงค์ที่ทั้งหลายก่อไป่แล้ว อุโมงค์ที่ผู้หญิงทั้งหลายก่อ
นั้น ผู้ชายทั้งหลายพากันไปช่วย จึงได้แล้วก่อนดาวประกายพรึกขึ้น...” หน้า ๑๔๕.
๓๖๐
คันธรส-ผู้ปริวรรต
๓๖๑
หมายถึง อย่าง, ชนิด
๓๖๒
บริวาร-ผู้ปริวรรต
๓๖๓
โสรจสรง-ผู้ปริวรรต
๓๖๔
ฉบับของหอสมุดแห่งชาติ (๒๔๘๓) กล่าวว่า “ล่ามเวียกเกียกกาย”
๓๖๕
โจทก์-ผู้ปริวรรต