Page 35 - ebook.msu.ac.th
P. 35
ส่วนห้องกลางที่เคยเป็นห้องนอนของพ่อแม่นั้น เมื่อให้ลูกสาวที่ยังไม่แต่งงานนอนแล้ว ก็เหลือห้องส้วม
ซึ่งเป็นห้องนอนของลูกเขยอีกห้องเดียวเท่านั้น
ปัญหาการอยู่ร่วมกันในครอบครัวจึงมีตามมาว่า ถ้าลูกสาวคนต่อๆ ไปแต่งงานอีกจะทำอย่างไร?
เพราะ ห้องส้วม หรือบ่อนนอนพี่อ้ายมีเพียงห้องเดียวเท่านั้นแถมยังมีผญาภาษิตเป็นคะลำ-ห้ามไว้อีกว่า
“นาสองเหมือง เมืองสองเจ้า เหย้าสองเขย” เป็นสิ่งที่ไม่ดี ไม่ควรทำ
เรื่องนี้ชาวอีสานรุ่นเก่าเขามีทางออกที่กำหนดการกระทำ โดยใช้ผญาภาษิตบอกกล่าวชี้แนะ จนกลายเป็น
ค่านิยมให้ต้องทำว่า “น้ำใหม่เข้า น้ำเก่าออก”
คือเขยใหม่จะต้องเข้ามาอยู่ร่วมเรือนแล้ว เขยเก่าจะต้องแยกครัวเรือนออกไปทำมาหากินสร้างตัว
สร้างครอบครัวใหม่กันเอง โดยพ่อแม่ฝ่ายหญิงจะมอบมรดกที่ดินที่นาให้อยู่อาศัยและทำมาหากินเลี้ยงตัวเอง
แล้วจากนั้นก็หาขยับขยายกันเองต่อไป
น้ำใหม่ก็จะไล่น้ำเก่าออกไปเรื่อยๆ นั่นคือเขยใหม่ก็จะเข้าไปอยู่ในห้องส้วมแทนเขยเก่าต่อไปเรื่อยๆ
เช่นกัน
เขยเก่าที่แยกครัวเรือนออกไปดังกล่าวนี้ ตอนแรกๆ อาจจะไปสร้างที่พักชั่วคราวที่เรียกว่า ตูบต่อเล้า,
ตูบหรือตูบเหย้า (กระท่อม/กระต๊อบ) หรือเหย้าอยู่ไปพลางก่อนก็ได้
จากนั้นจึงค่อยๆ ใช้เวลาและแรงงานทำมาหากิน สะสมไม้และวัสดุอื่นที่จำเป็นไปเรื่อยๆ ซึ่งอาจจะใช้
เวลามากบ้างน้อยบ้างแตกต่างกันไป แต่ส่วนใหญ่ในอดีตก็มักจะพอสร้างเรือนใหญ่ขนาด ๓ ห้อง ได้ทันกับเวลา
ที่ลูกๆ โตเป็นบ่าวเป็นสาว เพราะจะต้องนอนแยกกันให้มิดชิดเป็นสัดเป็นส่วนและพร้อมที่จะรับลูกเขยเข้ามา
อยู่ร่วมเรือน
33