Page 37 - ebook.msu.ac.th
P. 37
เหย้า : เส้นทางการสร้างครอบครัวใหม่
ผู้ช่วยศาสตราจารย์สมชาย นิลอาธิ
แม้คำว่าเหย้าในปัจจุบันดูจะกลายความหมาย ไปเป็นส่วนหนึ่งของเรือนแล้วก็ตาม แต่จากการศึกษา
เรือนพักอาศัยของชาวอีสาน โดยพยายามจะมองผ่านเข้าไปให้เห็นความสัมพันธ์ของการใช้สอยพื้นที่ในตัวที่พัก
อาศัยแบบต่างๆ แล้วพบว่า เหย้าเป็นที่พักอาศัยลักษณะหนึ่ง ซึ่งมีอย่างน้อย ๒ แบบ ที่มีความสัมพันธ์กับวิถีชีวิต
ในครอบครัวของชาวอีสานในอดีตหลายด้านด้วยกันคือ สภาพสังคม เศรษฐกิจและความเชื่อ ที่มีแนวโน้มว่า
จะเป็นการเตรียมอำนาจการปกครองครอบครัวต่อไปในวันข้างหน้า คือ เมื่อลูกสาวโตขึ้นจนต้องสร้างเรือนใหญ่
เพื่อเตรียมการมีลูกเขย ซึ่งเป็นแรงงานสำคัญของครอบครัวต่อไป ทั้งเมื่อพิจารณาในแง่วัสดุและเทคนิควิธีการ
แล้ว ก็สามารถมองเห็นความสำคัญของคนในสังคมกับธรรมชาติแวดล้อม และความร่วมมือกันของกลุ่มเครือญาติ
ในสังคม ที่ทุกคนมีความคิดเป้าหมายเดียวกัน ในอันที่จะช่วยส่งเสริมกันสร้าง เรือนใหญ่มุงแป้นกระดาน ซึ่งเป็น
ความสำเร็จของการสร้างครอบครัวในอดีตสังคมอีสานได้
แต่เนื่องจากคำว่าเหย้าในปัจจุบัน ได้กลายความหมายไปดังกล่าวแล้ว จนเหลือให้พอรู้เค้าเพียงคำพูด
ของคนรุ่นเก่าเท่านั้นคือ มีเหย้ามีเรือน, อยู่กับเหย้าเฝ้ากับเรือน และศิษย์เก่าหลายสถาบันก็เอามาใช้ในลักษณะ
การกลับคืนสู่ถิ่นเก่าว่า คืนสู่เหย้า ก็มีอยู่มาก จึงน่าที่จะทำความเข้าใจเรื่องที่พักอาศัยที่เรียกว่าเหย้ากับเรือน
ซึ่งแม้ว่าจะเป็นที่อยู่อาศัยเหมือนกันก็ตาม แต่ก็มีหลายสิ่งหลายอย่างที่แตกต่างกัน ด้วยเหตุผลทางด้านพัฒนาการ
ที่สัมพันธ์กับระบบครอบครัว - เครือญาติ เศรษฐกิจ ความเชื่อ ฯลฯ
คำว่าเหย้าในหลักฐานเอกสาร
จากเท่าที่พบการใช้คำว่า เหย้า ในเอกสารเก่าบางแห่ง ปรากฏว่ามีการใช้รูปคำแตกต่างกันไปและ
มักจะใช้คู่กันกับคำว่า เรือน เสมอ เช่น
ในศิลาจารึกพ่อขุนรามคำแหงมหาราช หลักที่ ๑ มีคำว่าเหย้าใช้อยู่ด้วยคือ................ไพร่ฟ้าหน้าใส
ลูกเจ้าลูกขุนผู้ใดแล้ ล้มตายหายกว่า อย้าวเรือนพ่อเอ เสื้อคำมัน ช้างขอลูกเมียเยียข้าว ไพร่ฟ้าข้าไทย.......
(ด้านที่ ๑ บรรทัดที่ ๒๑ - ๒๓) จะเห็นได้ว่าศิลาจารึกใช้รูปคำว่า อย้าว
ส่วนอยู่ในอุรังคนิทาน (ตำนานพระธาตุพนม พิดาร) โดยพระเทพรัตนโมลี ใช้คำว่า เย่า ในตอนพ่อ
ท้าวคำบางอพยพสร้างเมืองว่า........เมื่อคนทั้งหลายเข้าตั้งเป็นบ้านเป็นเมืองอยู่ตามริมหนอง (หนองหาน)
ทั้ง ๒ แล้วจึงให้น้ำบก (น้ำลดลง) แล้วบุคคลเหล่านั้นจึงพร้อมกันยกญาติพี่น้องผู้ใหญ่ของเขาคนหนึ่งขึ้น
เป็นใหญ่ ปกปักรักษาซึ่งกันและกัน ให้สร้าง เย่าเรือน อยู่ที่นั้น แล้วจึงแต่งกันเข้าไปรับราชการงานเมือง
และจารีตประเพณีอยู่ด้วยท้าวคำบาง เพราะเหตุดังกล่าวนี้ ราชธานีจึงมิได้มีตามริมหนอง (หาน) แต่นั้นมา
ทั้งหลายจึงเรียกกันว่าหนองหานน้ำหล่ายเชิงชุม แต่นั้นมา
35