Page 101 - ebook.msu.ac.th
P. 101

มูลขึด : ความเชื่อโบราณอีสาน




                                                                                       ณรงค์ศักดิ์  ราวะรินทร์




                       อาหํ นมามิ รตฺตนเตยยํ นมามิหํ นมการา นุพาเวน สพฺเพสงฺคบฺเปา นิสมิชฺชนฺตุ อาหํ อันว่าผู้ข้า

                รตฺตนเตยฺยํ แก้วเจ้า ๓ ประการนี้ นมามิ ข้าก็น้อมไหว้บัดนี้แล้ว นมการานุภาเวนะ ด้วยเตชาอานุภาพ
                แก้ว ๓ ประการ นี้ สพฺเพ สํกบฺเปา อันว่าคึดค่ำๆ คนิง ทั้งมวลฝูงนี้ สมิชฺชนฺตุ ก็จงสมฤทธี ซู่ประการเถิด

                       ส่วนอันว่าภัทรกัปเรานี้เมื่อตั้งกัปหัวทีวันนั้น ส่วนอันว่าหน่อพระโคตมะเจ้าเรานี้ก็ได้มาเกิดเป็นพระยา
                สมันตราชาพรหม อันลูกแต่อคนิถาพรหม มา ๘ ชั้น นั้นลงมากินยังแผ่นดินอันนี้ก็มีแล เถิงกาลเมื่อมืนนานมา
                อันว่าลูกพรหมทั้งหลายแผ่ผอกออกมาเป็นอันมากหลายนักสันนั้น ก็แต่งแปงบ้านเรือนอยู่ด้วยเลว(เร็ว) แล้วแต่ง

                ให้ออกไปสร้างแปงยังเมืองใหญ่ๆ หัวเมืองอยู่ที่นั้นแล ส่วนคนทั้งหลายอยู่ในเมืองใหญ่ๆ เมืองนั้น ริกขาดิจจ
                อันควรกระทำ อันว่า กรดมังคลกัมมวัด อันควรกับตามนั้นก็ดี เป็นกับด้วยสูตรมังคละนั้นก็ดี พระยาสมันตราชา

                มหาพรหมหากตั้งแต่งแปงมาสันนั้น เมื่อนั้นยังมีกาลตราบท่อวันนั้น
                       ส่วนว่าคนอันอยู่ในเมืองใหญ่ๆ หัวเมืองนั้นยังมีคนฝูงอันต่ำย่อม ๖ คน อันเขาหากได้กระทำอันผิดแผก
                อันใดอันหนึ่งแล้วเขายินลักอายนัก เขาจิงกล่าวว่ากริยาอันตายนี้แควนประเสริฐกว่าอันอยู่เป็นคนนี้แล ว่าดังนั้น

                ก็ลวดปรารถนาเอาความตายอยู่หั้นแล ในเมื่อเขาทั้งหลายปรารถนาสันนั้น ส่วนว่าสมันตราชาก็ได้ยินรู้กล่าว
                เขาทั้งหลายหมู่นี้บ่ฮู้เลยดายบ่รักษาชีวิตแห่งตนแล มักตายสันนี้ก็เป็นอันงึดง้ออัศจรรย์ควรยกยอแก่ท้าวพระยา

                ทั้งหลายแท้แล เขาทั้งหลายได้ยินพระยาสมันตราชากล่าวดังนั้นเขาก็ปรารถนาเอาความอยู่ไจว้ๆ หั้นแล
                                  ผู้ ๑  ก็ปรารถนามักใคร่ตายไหลน้ำหั้นแล
                                  ผู้ ๑  ก็ปรารถนาตายฟ้าผ่าแล ว่าดังนั้น

                                  ผู้ ๑  นั้นก็ปรารถนาข้าใคร่ตายเสือขบแล ว่าดังนั้น
                                  ผู้ ๑  ปรารถนาว่าข้าใคร่ตายตกไม้แล ว่าดังนั้น

                                  ผู้ ๑  ก็ปรารถนาข้าใคร่ตายด้วยเชือกผูกคอแล
                                  ผู้ ๑  ก็ใคร่ตายตามปกติด้วยไข้ด้วยหนาวนั้นแล ว่าดังนี้ก็มีแล
                           เขาทั้งหลาย ๖ คนนั้นก็ได้ตายตามคำปรารถนาแห่งเขาหั้นแล



                       บุคคลผู้ ๑  นั้นก็ตายไหลน้ำแท้ ครั้นตายไหลน้ำแท้ พระยาก็แต่งให้คนทั้งหลายเอาเข้าหมิ้นสุรกับ

                ด้วยดินฝุ่นดินผงแท้ด้วยน้ำแล้วจงทาหัวมันมาลูบขึ้น ๗ ที แล้วลูบลง ๗ ที แล้วจิควรส่งสะกานด้วยไฟแล ครั้นบ่
                กระทำสันนั้นก็บ่ควรส่งสะกานด้วยไฟแลคุณรู้ดังนั้นแลก็บ่ควรรับวัตถุแห่งท่านอันมาค้ำชูก็บ่ควรไว้แฮมคืน บ่ควร
                ทานเข้าสัง บ่ควรสังคหธรรม บ่ควรเอาพุทธรูปนำหน้า ไปก่อนใดแล

                       ถัดนั้นผู้ ๑  ก็ตายฟ้าผ่าหั้นแล พระยาก็ให้คนทั้งหลายเอาตั้งเหนือรางหมู แล้วก็ให้ชักชันชู ๓ ที แล้วก็
                ให้อาบน้ำอุ่นแล้วจิงเอาไปฝังดินแล ครั้นบ่กระทำสันนั้นบ่อาบน้ำอุ่นนั้นบ่ฝังดินได้บ่ควรรับของแห่งท่านอันมา

                ค้ำชูนั้นแล บ่ควรไว้แฮมคืนแล บ่ควรเอาพระเจ้านำหน้าบ่ควรสังคหาสูตรธรรม บ่ควรปั่นสรณคมน์ทานเข้าสัง
                บ่ควรแล ท่อควรทานเข้าสานกับที่นั้นแล

                                                            99
   96   97   98   99   100   101   102   103   104   105   106