Page 62 - ebook.msu.ac.th
P. 62
พัฒนาการของเล้าข้าว
ถ้าพิจารณากันโดยทั่วไปเรื่องสถานที่เก็บข้าวเปลือกที่เรียกกันว่ายุ้งนั้น น่าจะมีขึ้นมาพร้อมๆ กับคนรู้จัก
ปลูกข้าวเก็บไว้กินนั้นเอง แต่การที่จะกำหนดอายุเล้าข้าวในอีสานให้แน่นอนลงไปในที่นี้ ก็เป็นเรื่องที่ค่อนข้าง
ยากอยู่ไม่น้อยเหมือนกัน
เท่าที่พอมีหลักฐานปรากฏในวรรณคดีเก่า ประกอบกับที่ใช้เรียกกันอยู่ในอีสานปัจจุบันนั้นพอจะ
๓
สันนิษฐานเป็นเบื้องต้นได้ว่าจะใช้ประโยชน์เช่นเดียวกันกับ “เยีย” และ “ซอมข้าว” คือใช้เป็นสถานที่เก็บรักษา
ข้าวเปลือกเหมือนกับ “ยุ้ง” และ “ฉาง” นั่นเอง
คำว่า “เยีย” น่าจะเป็นคำที่ใช้เรียกสิ่งก่อสร้างสำหรับเก็บข้าว มาก่อนคำอื่นเพราะมีปรากฏอยู่ในศิลา
จารึกของพ่อขุนรามคำแหง แห่งกรุงสุโขทัย ว่า “ช้างขอลูกเมียเยียข้าว” ๔
และในวรรณคดีเรื่อง ท้าวฮุ่ง ท้าวเจือง ซึ่งเป็นวรรณคดีพื้นบ้านรุ่นเก่าของอีสาน ก็มีคำว่า
เยีย ใช้อยู่ด้วย คือ
“เงินคำล้นเยียกอง ไว้ล่าง”
และ
“ฝูงนั้นของแพงไว้ในเยีย เอาอาชญ์” ๕
เมื่อประกอบกับค่านิยมรุ่นเก่าของอีสานแล้ว ก็ยิ่งน่าเชื่อว่าจะเป็นคำเก่าดั้งเดิมที่ใช้เรียกกันอยู่จริงๆ
เพราะในอดีตของสังคมอีสานนั้น เคยมีปรากฏเรื่องความเชื่อทางสังคมอย่างหนึ่งว่า ถ้าหญิง-ชายคู่ใดเมื่อแต่งงาน
กันแล้ว มักนิยมให้ฝ่ายชายไปอยู่กับฝ่ายหญิงคืออยู่ที่บ้านพ่อตา แม่ยายเสมอ ซึ่งยึดถือปฏิบัติกันมานาน แม้ใน
ปัจจุบันนี้ก็ยังมีปฏิบัติกันอยู่ไม่น้อย จนมีกล่าวเกี่ยวกับเรื่องตกทอดกันมาว่า
“เอาลูกเขยมาเลี้ยงพ่อเฒ่าแม่เฒ่า ปานได้ข้าวมาใส่เล้า ใส่เยีย เอาลูกใภ้มาเลี้ยงปู่ เลี้ยง ย่า ปานเอา
ผีห่ามาใส่เฮือน ใส่ชาน”
จะเห็นได้ว่า มีคำว่า เล้า เข้ามาใช้ร่วมอยู่ด้วย จึงน่าจะเป็นคำกล่าวในระยะหลังๆ ที่มีคำว่าเล้าใช้กันแล้ว
แต่ขณะเดียวกันคำว่าเยียก็คงมีใช้กันอยู่ด้วย
แต่ในปัจจุบันคำว่า เยีย เริ่มจะเลือนหายไปจากสังคมอีสานมากแล้วส่วนคำว่า เล้า นั้นยังมีใช้กันอยู่จน
ปัจจุบันนี้
เข้าใจว่าคงจะมาใช้กันภายหลังเป็นแน่เพราะมีหลักฐานปรากฏอยู่ในโองการแช่งน้ำโคลงห้า สมัยพระเจ้า
อู่ทองแห่งกรุงศรีอยุธยา ว่า
๓
ในชนบทอีสานยังมีคำนี้ใช้เรียกกันอยู่บ้าง แต่ลักษณะรายละเอียดที่แท้จริงของเยีย ยังไม่มีใครอธิบายได้
เพียงแต่รู้แล้วเข้าใจกันทั่วๆ ไปว่ามีประโยชน์ใช้สอยเหมือนกับเล้าข้าวในปัจจุบัน
๔
ชัยสิทธิ์ เศรษฐบุปผา, ภาษาถิ่นในวรรณคดี, โรงพิมพ์มิตรสยาม, ๒๕๑๔ หน้า ๖
๕
เล่มเดิม, หน้าเดิม
60