Page 43 - ebook.msu.ac.th
P. 43
หนึ่งก่อนได้ แล้วใช้เวลาสะสมวัสดุอุปกรณ์จนมีความพร้อมแล้ว จึงค่อยสร้างเหย้าแบบดั้งตั้งคานในภายหลัง
ก็ได้
แต่บางครอบครัวที่พ่อแม่หรือพ่อเฒ่า - แม่เฒ่า มีเรือนใหญ่มีโข่ง หรือ เรือนน้อย ต่อเคียงคู่กับเรือนใหญ่
แล้ว พ่อแม่อาจจะใช้รื้อโข่งหรือเรือนน้อย ให้ไปสร้างเป็นเหย้าแบบดั้งตั้งคานได้เลย ด้วยเหตุนี้จึงทำให้ชาวอีสาน
ในหลายๆ แห่ง เรียกเหย้าแบบดั้งตั้งคานนี้ว่า เรือนน้อย ไปด้วย ซึ่งถ้าพิจารณาเหตุผลทางด้านวัสดุรูปร่าง
ลักษณะ ประโยชน์และความเชื่อแล้ว ก็กล่าวได้ว่าเป็น เรือน ได้ในระดับหนึ่ง ที่ยังไม่สมบูรณ์ตามแบบเรือนใหญ่
ทั่วไป แต่ก็มีความเหมาะสมสอดคล้องกับขนาดของครอบครัวและอื่นๆ ในการอยู่อาศัยได้ดีขึ้นกว่าเดิม ที่เคยอยู่
ในตูบต่อเล้าและเหย้าแบบดั้งต่อดิน และก็มีครอบครัวใหม่จำนวนไม่น้อย ที่มีความสามารถที่จะแยกครอบครัว
ออกจากเรือนใหญ่ของพ่อแม่ / พ่อเฒ่า แม่เฒ่า ออกมาสร้างเหย้าแบบดั้งตั้งคานได้ทันที โดยไม่จำเป็นต้องผ่าน
การอยู่ตูบต่อเล้าและเหย้าแบบดั้งต่อดินเลย
คงจะเนื่องจากเหย้าแบบดั้งตั้งคาน เป็นเรือนน้อยของครอบครัวใหม่ ที่ยังไม่สมบูรณ์แบบเต็มที่เหมือน
เรือนใหญ่นี้เอง ที่ทำให้ไม่ค่อยเคร่งครัดในเรื่องพิธีกรรมความเชื่อในการสร้าง และการขึ้นอยู่อาศัยเหมือนเรือน
ใหญ่ ฉะนั้นจะสร้างตอนไหน เมื่อไร หรือจะขึ้นอยู่อาศัยตอนไหน อย่างไรก็ได้ โดยไม่จำเป็นต้องทำพิธีกรรม
เลยก็ได้
เท่าที่พบหลักฐานทั่วๆ ไป ในอีสานแต่ก่อน การสร้างเหย้ามักจะเกี่ยวข้องสัมพันธ์กับขนาดของ
ครอบครัว ตามความจำเป็นที่เหมาะสมแก่อัตภาพเป็นสำคัญ แต่ต่อมาภายหลัง โดยเฉพาะอย่างยิ่งหลังจาก
การใช้แผนพัฒนาเศรษฐกิจแห่งชาติฉบับที่ ๑ เป็นต้นมา มักพบว่าเหย้าแบบดั้งตั้งคาน จะสัมพันธ์กับสังคมที่
แยกตัวออกไปตั้งชุมชนใหม่ และครอบครัวที่อพยพเคลื่อนย้ายไปหักร้างถางพงทำนา ทำไร่ ห่างไกลจากชุมชน
เดิมมากกว่า ฉะนั้นเหย้าแบบดั้งตั้งคานในเงื่อนไขนี้ จึงสัมพันธ์กับเศรษฐกิจเป็นสำคัญ
ลักษณะและประโยชน์ใช้สอยของเหย้าแบบดั้งตั้งคาน
คงจะเนื่องจากเหย้าแบบดั้งตั้งคาน สร้างด้วยไม้จริงทั้งหลังนี้เอง จึงทำให้ถ้าดูเพียงผ่านๆ ผิวเผินแล้ว
จะเห็นว่าลักษณะคล้ายกันกับเรือนใหญ่ทั่วไป คือดูคล้ายกับจะมีตัวเรือนใหญ่หรือเรือนประธาน แล้วต่อเกยยื่น
ออกไปทางด้านนอก แต่ส่วนใหญ่มักจะไม่มีชานแดดเท่านั้น ทั้งยังเป็นเรือนชั้นเดียว ใต้ถุนสูงเหมือนกันด้วยแต่
ถ้าพิจารณาเฉพาะส่วนในรายละเอียดแล้ว ก็จะเห็นได้ว่า เหย้าแบบดั้งตั้งคานใช้ไม้จริงทั้งหลังเหมือนเรือนใหญ่
มีขนาดกว้างใหญ่และแข็งแรงกว่าเหย้าแบบตั้งต่อดิน ที่ใช้ไม้จริงกะเทาะเปลือกเป็นโครงสร้าง แต่ขณะเดียวกัน
ก็จะต่างจากเรือนใหญ่ ตรงที่มีขนาดเล็กกว่า เพราะมีขนาด ๒ ห้องเสาเท่านั้น ขณะที่เรือนใหญ่มีขนาดยาว ๓
ห้องเสา ส่วนฝากั้นภายนอกนั้น มักจะเป็นฝาสานลายคุบ หรือไม่ก็จะเป็นฝาไม้จริงที่เรียกว่าแอ้มแป้น แต่จะตี
ฝาเพียงหยาบๆ พออยู่ได้มิดชิด
ลักษณะภายใน มีทั้งที่ปล่อยเปิดโล่งเป็นห้องโถงตลอด แต่ก็มีจำนวนไม่น้อยที่กั้นฝาห้องภายในบ้าน
เพียงห้องเดียว และมักจะกั้นเพียงพอให้รู้ว่า เป็นห้องนอนของเจ้าของเท่านั้น บางทีก็ใช้ฝาสานลายคุบกั้นก็มี
ถ้าใช้ไม้จริงก็มักจะใช้วิธีต่อชนกันแผ่นต่อแผ่นขึ้นไปอย่างง่ายๆ ส่วนอีกห้องหนึ่งที่อยู่ติดกันนั้น มักให้เป็นห้อง
ของลูกๆ ส่วนลูกน้อยก็จะให้นอนกับพ่อแม่ เหมือนเหย้าแบบดั้งต่อดิน
41