Page 9 - ebook.msu.ac.th
P. 9
อุรังคธาตุ จ.ศ. ๑๑๖๗ (พ.ศ. ๒๓๔๘) 9
ฝ่ายเหนือ หินสิลาเลข หนองกองแก้ว ตีนภูเขียว
ในปี พ.ศ. ๒๓๓๕ นี้ เพียเมืองแสน เมืองสุวรรณภูมิ ได้ขอแยกออกไป
ตั้งเมืองชลบถ ที่บริเวณหนองกองแก้ว ริมน้ำาชี
ต่อมาในปี พ.ศ. ๒๓๔๐ เพียเมืองแพน ผู้มีศักดิ์เป็นหลานของ จารแก้ว
หรือ เจ้าแก้วมงคล อยู่บ้านชีโหล่น แขวงเมืองสุวรรณภูมิ ก็ขอแยกไปตั้งเมือง
ใหม่ที่หนองบอน (คือบึงแก่นนคร จังหวัดขอนแก่น-ปัจจุบัน) เป็นเมืองขอนแก่น
แต่กลับไปตั้งเมืองขอนแก่นอยู่ที่ บ้านดอนกระเทียม หรือ ดอนกระยอม ซึ่งอยู่
ในแขวงเมืองชลบถ (อำาเภอชนบท จังหวัดขอนแก่นปัจจุบัน) เป็นที่ “พระนคร
บริรักษ์บรมราชภักดี” เจ้าเมืองขอนแก่น
ตั้งเป็นเมืองขอนแก่นมาจนถึง พ.ศ. ๒๓๕๐ จึงย้ายเมืองไปตั้งใหม่ที่ บ้าน
ดอนพันชาด ซึ่งปัจจุบันคือบริเวณ บ้านโนนเมือง ตำาบลแพง อำาเภอโกสุมพิสัย
จังหวัดมหาสารคาม และได้ตั้งเป็นเมืองขอนแก่น อยู่ ณ ที่นี้นานกว่า ๓๐ ปี
(หลังจากนั้นจึงได้ย้ายที่ตั้งเมืองขอนแก่นอีกในปี พ.ศ. ๒๓๘๑-สมัยรัชกาลที่ ๓ โดย
ไปตั้งที่ริมบึงฝั่งพระลับโนนทอง ทางทิศตะวันออกบ้านโนนทัน หรือบ้านเมืองเก่า)
เป็นไปได้ไหม ? มีความเป็นไปได้ว่าผลพวงจากการรับรู้ด้วยศรัทธาใน
อุรังคธาตุ คือพระธาตุพนม ของผู้คนในยุคสมัยนั้น โดยเฉพาะพระครูยอดแก้ว
โพนสะเม็ก ที่เคยเป็นผู้นำาศรัทธาบูรณะพระธาตุพนมมาแล้ว และยังได้สั่งไว้ว่าให้
นำากระดูกท่านไปบรรจุไว้ที่พระธาตุพนม จึงได้มีการจารหนังสือผูกใบลานเรื่อง
อุรังคธาตุไว้ประจำาตัว และ ประจำาเมือง มีการเขียนคัดลอกไว้ ณ เมืองจำาปาศักดิ์
และได้ถ่ายทอดสืบต่อมาถึงจารแก้ว เจ้าเมืองท่ง ซึ่งเป็นคนที่ผ่านการบวชเรียน
มาจนได้รับการฮดสรง (หดสรง) เป็น “จาร” มาแล้ว จนถูกส่งมาตั้งเมืองท่งใน
ลักษณะเป็น “เมืองขึ้น เมืองออก” ของเมืองจำาปาศักดิ์
แล้วจึงได้ส่งทอดถึง เพียเมืองแพน แห่งบ้านชีโหล่น แขวงเมืองสุวรรณภูมิ
กระทั่งขอแยกไปตั้งเมืองขอนแก่น ในปี พ.ศ. ๒๓๔๐ ที่ บ้านดอนกระยอม
ในแขวงเมืองชลบถของเพียเมืองแสน นานถึง ๑๐-๑๑ ปี ซึ่งเป็นช่วงเวลาที่ได้เขียน
คัดลอกเรื่องอุรังคธาตุ จ.ศ. ๑๑๖๗ คือ พ.ศ. ๒๓๔๘ จนถึง พ.ศ. ๒๓๕๐
จึงได้ย้ายไปตั้งเมืองขอนแก่นที่บ้านดอนพันชาด อยู่นานถึงกว่า ๓๐ ปี และ